จารยา บุญมาก
คุณแม่มือใหม่ที่เล่นกับลูกเต็มเวลา
พ่อแม่มือใหม่มักตื่นเต้นกับการเตรียมรับลูกคนแรก อีกทั้งญาติ มิตรล้วนส่งมอบของขวัญสารพัดให้กับเด็กเล็กๆ หนึ่งในสิ่งที่นิยมให้กันคือ “ของเล่น”
คงจะดีไม่น้อยถ้าของเล่นเหล่านั้นดึงดูดความสนใจของเจ้าตัวเล็กได้ตลอดเวลา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเจ้าตัวเล็กกลับละเลยของเล่นชิ้นเดิม นั่นเป็นเพราะเด็กต้องการของเล่นและเวลาเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการไปเรื่อยๆ และสิ่งที่จะช่วยได้ ก็คือ การเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัส (Sensory Play) ซึ่งช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการอย่างครบถ้วน
การเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสมีทั้งหมด 7ส่วนด้วยกัน คือ การมองเห็น Sight (Vision) การได้ยิน Hearing (Auditory) การได้กลิ่น Smell (Olfactory) การรับรส Taste (Gustatory) และการสัมผัสหรือปฏิบัติ Touch (Tactile) การทรงตัว Vestibular (Movement) การรับรู้อิริยาบถของร่างกาย Proprioception (Body Position) ซึ่งใน2 ส่วนสุดท้าย คือ การทรงตัวกับการรับรู้อิริยาบถที่หลายคนมักละเลย ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญหมายถึงการรับรู้ถึงร่างกายของตนเอง ทำให้เข้าใจว่าส่วนต่างๆ ของร่างกายสัมพันธ์กันตรงไหนบ้าง และบอกเราได้ว่าต้องออกแรงมากขนาดไหนเมื่อจับ ดัน ดึง หรือยกสิ่งของสิ่งนั้น อันจะส่งผลให้เราสามารถรักษาสมดุลในขณะที่ทำกิจกรรมต่างๆได้ดี ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทั้งหมดสามารถทำได้ตั้งแต่วัยทารก ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการเล่นอย่างไรและใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
นักสันทนาการบำบัดในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา นำเสนอความรู้ของการเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสว่า การละเล่นแบบดังกล่าวสร้างประโยชน์ระยะยาว เพราะการเล่นโดยใช้ประสาทสัมผัสมีบทบาทสำคัญในพัฒนาการของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กปฐมวัย ช่วยสร้างการเชื่อมต่อของเส้นประสาทในเส้นทางของสมอง ซึ่งสามารถช่วยให้ลูกของคุณทำงานที่ซับซ้อนได้สำเร็จ นั่นแปลว่าการละเล่นผ่านร่างกายอันเกิดจากกิจกรรมที่หลากหลายจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาสมองได้ดีขึ้น
ประโยชน์ด้านทักษะทางภาษา เด็กๆที่เล่นแบบ Sensory Play จะมีพัฒนาการด้านภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการอธิบายสิ่งที่พวกเขากำลังทำ หลังจากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากประสาทสัมผัสที่รายล้อมและประสบการณ์ผู้ร่วมเล่น เป็นการสื่อสารเบื้องต้นและจะเริ่มซับซ้อนขึ้นตามวัย
ประโยชน์ด้านการพัฒนากล้ามเนื้อ การเล่นโดยใช้ประสาทสัมผัสสามารถช่วยให้ลูกน้อยมีทักษะการเคลื่อนไหวที่ดีทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น นั่ง ยืน และกล้ามมัดเล็ก เช่น การผูกรองเท้า การเขียน และการรูดซิปเสื้อคลุม เด็กๆ จะค่อยๆ สร้างความสามารถในการใช้งานแล้วนำไปสู่การเคลื่อนไหวทั้งหมดรวมกันแต่ไม่ใช่ผ่านการบังคับ แต่เป็นความสนุกสนานจากการเล่น
ประโยชน์ด้านการเติบโตทางสติปัญญา การถามคำถาม การคิดเกี่ยวกับวิธีการทำงาน การทำการทดลอง และการวิเคราะห์ผลลัพธ์ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางสติปัญญาที่ดี ทำให้เกิดการค้นหาและสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ เพราะการละเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสช่วยเด็กได้สำรวจวิธีการเล่นและมีส่วนร่วมกับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงวิธีจัดการกับความท้าทายที่เด็กแต่ละคนเผชิญ เช่น วิธีตักข้าวจากภาชนะหนึ่งไปอีกภาชนะหนึ่ง หรือวิธีรักษาสมดุลบนชิงช้าขณะขึ้นนั่ง
ช่วยให้เด็กสามารถอยู่ในอาการสงบได้ การละเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสนี้นอกจากจะช่วยให้เด็กเฉื่อยชาให้มีความกระตือรือร้นแล้ว ยังช่วยเด็กที่อาจมีปัญหาสมาธิสั้นกลับมาตั้งใจหรือใจจดใจจ่อกับสิ่งหนึ่งได้ เรียกได้ว่าช่วยควบคุมสิ่งที่เร้าอารมณ์เด็กได้ในหลายด้าน
ช่วยส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสกับพี่น้องหรือเพื่อนๆ จะทำให้เด็กๆเริ่มพัฒนาทักษะทางสังคม พวกเขาจะเรียนรู้วิธีการสื่อสาร วิธีแก้ปัญหาและเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับวิธีการเล่นของผู้อื่น ซึ่งไม่ว่าจะเล่นกันเองในครอบครัว หรือกับคนอื่นในที่สาธารณะ เด็กที่ได้เล่นอย่างเต็มที่จะสามารถฝึกฝนการมีส่วนร่วมได้กับทุกคน
ประโยชน์ล้นเหลือเช่นนี้พ่อแม่หรือพี่เลี้ยงคนไหนที่มีเด็กๆในบ้านน่าจะลองเอาไปทำดู โดยตัวอย่างการสร้างกิจกรรมการละเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสมีมากมายและใช้สิ่งของที่หาได้ง่ายๆ เช่น ถังเปล่าเติมทราย หรือกระดาษตัดชิ้นเล็กๆ สำลี กระดุม หญ้าแห้ง เป็นต้น
หรือใครที่ชื่นชอบศิลปะก็สามารถใช้การพิมพ์ลายนิ้วมือด้วยสีสันต่างๆ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด ก็ตามในการเล่นแต่ละครั้งต้องประกอบไปด้วยการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 7 ส่วน และที่สำคัญต้องสละเวลาเล่นกับเด็กให้ได้ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์แบบส่งต่อ
อ้างอิง
Cleaveland Clinic
https://health.clevelandclinic.org/benefits-of-sensory-play-ideas/
NO COMMENT