READING

“เมื่อเล่นคือชีวิต” บทเรียนจากสวนเอ็น...

“เมื่อเล่นคือชีวิต” บทเรียนจากสวนเอ็นอ้านาเทิง พื้นที่เล่นอิสระที่ครูยายสร้างด้วยศรัทธา

ในวันที่หลายคนตั้งคำถามว่า “เด็กเล่นไปเพื่ออะไร?” มีใครคนหนึ่งที่เลือกจะตอบคำถามนี้ ด้วยการลงมือทำจริง   ครูยาย หนูทิพย์ พันธุ์งาม หรือที่เด็ก ๆ เรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า “ครูยายแห่งสวนเอ็นอ้านาเทิง”

หลังจากออกจากระบบโรงเรียน ครูยายไม่หยุดทำงานเพื่อเด็ก ๆ กลับเลือกใช้ชีวิตหลังเกษียณในการลงมือสร้าง “พื้นที่เล่นอิสระ” ขึ้นในสวนของตัวเอง เพราะเธอเชื่ออย่างลึกซึ้งว่า “การเล่นไม่ใช่แค่การพักผ่อน…แต่มันคือกระบวนการสร้างคน”

พื้นที่เล่นที่เด็กเป็นคนเลือก ผู้ใหญ่เป็นเพื่อนร่วมทาง
สวนเอ็นอ้านาเทิงไม่ได้เป็นเพียงแค่โคกหนองนาโมเดล   แต่เป็นลานชีวิตของเด็ก ๆ ที่ได้เข้ามาปล่อยพลังตามจังหวะของตนเอง  เพราะครูยายมีคลองใส้ไก่ให้เด็กเล่นน้ำ  เล่นโคลน  ทำเตาถ่านด้วยเศษไม้  สร้างบ้านจากดินปลูกผัก  หรือแม้แต่ทำกับข้าวเองกับมือ  ทุกการเล่นที่กล่าวมาล้วนเกิดจากความตั้งใจจากภายในของเด็กเอง

“เด็กบางคนพายเรือ เด็กบางคนเผาถ่าน บางคนสร้างเตาเผาขึ้นมาเอง
มีทั้งเล่นคนเดียว เล่นกลุ่มทุกคนมีวิธีเล่นเป็นของตัวเอง ไม่มีสูตรสำเร็จ”  ครูยายบอก

ความสุขของครูยายคือการได้เห็นแววตาเปล่งประกายของเด็ก ๆ เวลาลงมือทำสิ่งที่พวกเขาออกแบบเอง ได้สร้าง ได้ลอง ได้ผิดพลาด ได้หัวเราะและสุดท้ายก็ได้ภูมิใจในตัวเอง

ผู้ใหญ่ก็เล่นได้ เด็กก็สอนเราได้
หนึ่งในภาพที่อบอุ่นที่สุดของสวนเอ็นอ้านาเทิง คือภาพที่ผู้ใหญ่ลงไปเล่นกับเด็ก  เล่นจริง ๆ แบบที่เด็กได้เป็น “ครู” สอนผู้ใหญ่ เด็กบางคนชวนครูยายปีนเถาวัลย์ บางคนแบ่งขนม บางคนทำอาหารให้ลองชิม ทุกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเล่น ทำให้เกิดความไว้ใจ ความสนิทสนม และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อกัน

“เด็กไม่ชอบคำสั่ง แต่ถ้าเขาไว้ใจเรา เราจะสื่อสารอะไรก็ง่าย
เขาจะเปิดใจให้เราสอน ให้เราช่วย” ครูยายเล่า

จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเล่น ครูยายสามารถมองเห็นบุคลิกและศักยภาพเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคนได้อย่างชัดเจน และยังนำไปสื่อสารกับผู้ปกครอง เพื่อช่วยส่งเสริมจุดแข็งหรือแก้ไขพฤติกรรมที่น่าห่วงได้อย่างตรงจุด

การเล่นเสี่ยง: พื้นที่แห่งการเรียนรู้ทักษะชีวิตที่แท้จริง
ครูยายไม่ได้มองว่าการเล่นต้องปลอดภัยจนไม่มีความท้าทาย เพราะเด็กต้องได้เผชิญความเสี่ยงบ้าง เพื่อจะได้ฝึกคิด ฝึกตัดสินใจ และรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ เช่น การฝึกใช้มีดในมุมครัวปีนต้นไม้ ไต่เชือก ปีนเถาวัลย์  ฝึกว่ายน้ำ  ฝึกดำนา หรือฝึกสับมะละกอ แม้แต่จุดไฟเตาถ่าน  เพื่อฝึกทักษะชีวิตอย่างจริงจัง  ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็กต่างจังหวัดอยู่แล้ว  ครูยายจึงเปิดโอกาสให้เด็กได้ลอง  ก่อนเด็ก ๆ จะเริ่มเล่น ทุกครั้งจะมีการแนะนำพื้นที่ เพื่อให้ทั้งเด็ก ผู้ปกครอง และคุณครูที่พาเด็กมาเข้าใจจุดต่าง ๆ ว่าเล่นอะไรได้บ้าง ต้องระวังตรงไหน มีทีมอาสาและครูดูแลใกล้ชิด โดยเฉพาะในวันธรรมดาที่โรงเรียนพาเด็กมาเป็นหมู่คณะ จะมีคุณครูช่วยดูแลร่วมกับทีมงานของครูยาย

ทำไมต้องให้เด็กเล่นเสี่ยง?
เพราะการเล่นเสี่ยงคือโอกาสให้เด็ก กล้าคิด กล้าทำ เชื่อมั่นในตัวเอง  เมื่อเขาเคยกระโดดน้ำ เคยหัดใช้มีด เคยเผาถ่าน เคยปีนต้นไม้ เด็กจะรู้ว่าเขามีขีดจำกัดแค่ไหน และจะเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่าเด็กที่ไม่เคยลองเลย  ครูยายย้ำว่า  “ถ้าเด็กเจอสถานการณ์จริง เช่น พลัดตกน้ำ เขาจะพยายามเอาตัวรอด ไม่จม เพราะเขาเคยฝึกว่ายน้ำที่คลองมาแล้ว” ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องกันเด็กจากความเสี่ยงทุกอย่าง แต่ควร “สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเสี่ยง” ให้เขาได้เติบโตไปพร้อมกับประสบการณ์

สื่อสารกับผู้ปกครองด้วยความเข้าใจ
หลายครั้งผู้ปกครองกังวลว่า การเล่นแบบนี้จะอันตราย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากครูยาย เข้าใจว่าเด็กจะไม่ถูกปล่อยตามลำพัง และได้ฝึกทักษะชีวิตที่มีประโยชน์จริง ๆ ผู้ปกครองก็เปิดใจและร่วมสนับสนุนมากขึ้น
สิ่งสำคัญที่ครูยายทำเสมอ คือ การพูดให้กำลังใจเด็ก และ ส่งพลังบวกอยู่ข้าง ๆ แม้จะปีนต้นไม้สูง หรือหัดสับมะละกอ เด็กจะรู้ว่ามีคนเชื่อว่า “เขาทำได้”  และนั่นคือประสบการณ์ที่เป็นบทเรียนชีวิตจริง ๆ ให้เด็ก ๆ ได้เติบโตอย่างมั่นคง

“การเล่นเสี่ยง ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด 
ถ้ามีผู้ใหญ่ที่เข้าใจและเชื่อในศักยภาพของเด็ก”

เล่นได้ทุกวัน เล่นได้ทุกบ้าน
ครูยายอยากให้การเล่นอิสระเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่ในสวนของเธอ ผู้ปกครองสามารถเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ เช่น ให้เด็กเล่นดิน ดำนา ทำสวน ทำครัว เล่นน้ำ เล่นวัสดุในบ้าน หรือทำงานบ้านเล็ก ๆ ด้วยกัน โดยไม่ต้องกังวลว่าเล่นนั้นจะ “เปื้อน” “อันตราย” หรือ “ไม่เป็นประโยชน์”

“เด็กไม่สนหรอกว่าของเล่นจะราคาเท่าไหร่ เขาแค่อยากสนุก
อยากได้ลองเอง ทำเอง มีคนอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นพอ”

ท้ายที่สุด ครูยายเชื่อว่า “การเล่น” ไม่ใช่กิจกรรมรองที่เหลือจากการเรียน แต่คือฐานรากของการพัฒนาเด็กในทุกด้าน ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม และสังคม  “อย่าเร่งให้เด็กอ่านออกเขียนได้ก่อนวัย แต่ให้เขาได้พร้อมในพัฒนาการก่อน ทุกอย่างจะตามมาเอง”  พื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้จึงกลายเป็นสนามฝึกชีวิตที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันคือที่ที่เด็กได้เป็น “ตัวเอง” อย่างแท้จริง

ถ้าคุณเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง…ลองมองรอยยิ้มของเด็กเวลาที่เขาได้เล่นอย่างอิสระ
แล้วคุณจะเข้าใจว่า บางครั้ง ‘ของเล่น’ ที่ดีที่สุดของเด็ก ก็คือพื้นที่และอิสรภาพ


Your email address will not be published. Required fields are marked *

By using this form you agree with the storage and handling of your data by this website.